....จากกลุ่มFC ปลูกผักสวนครัวในกระถาง
วันจันทร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2557
วิธีกำจัดหอยเชอรี่
วันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2557
A Fair Climate: Gender Equity in Forestry & REDD+
http://www.recoftc.org/site/resources/A-Fair-Climate-Gender-Equity-in-REDD-.php
This training video targets community forestry practitioners to improve gender equity on the ground. The video explains the concept of gender equity in the context of forest communities and highlights best practices for achieving gender equity.
Shot in Vientiane in Lao PDR and the Baan Thung Yao community forest in Thailand, the video features grassroots and institutional knowledge and experience, on forest governance and management practices. The video is produced by USAID-funded programs Grassroots Equity and Enhanced Networks in Mekong (GREEN Mekong) and Lowering Emissions in Asia's Forests program (USAID-LEAF).
The best practices highlighted in the video are sourced from a joint study produced by Women Organizing for Change in Agriculture and Natural Resource Management (WOCAN), the United Nations Collaborative Programme on Reducing Emissions from Deforestation and Forest Degradation (UN-REDD) and the United States Agency for International Development (USAID) funded Lowering Emissions in Asia’s Forests (USAID-LEAF) project.
The video is also informed by the case study produced by RECOFTC – Gender and community forests in a changing landscape: Lessons from Ban Thung Yao, Thailand
Featured resources
The study is the result of a Joint Regional Initiative to examine specific challenges and barriers that prevent the inclusion of women and the integration of gender perspectives in REDD+ in Asia-Pacific; identify practical entry points; analyze existing good practices; and share knowledge through multi-sectoral and stakeholder dialogues for the replication of successful outcomes.
The study analyzes men and women’s specific roles, responsibilities and rights by identifying the levels of participation in using, managing and governing forests and forest resources, in the context of a community forest in Ban Thung Yao village of Northern Thailand. The study highlights different gender roles, responsibilities, traditional knowledge and wisdom in community forestry, and its influence on resource use and management
The training manual on improving grassroots equity in the forests and climate change context aims to develop the knowledge and capacity needed among grassroots facilitators to implement genuinely participatory processes for improving grassroots equity in forest-based climate change policy frameworks, mechanisms and initiatives.
The main objective of this booklet is to support local trainers and facilitators who already have a basic understanding of climate change and REDD+, for climate change initiatives or REDD+ related training programs.
For further resources on gender equity and related subjects please visit www.leafasia.org or www.usaid.gov/asia-regional
- See more at: http://www.recoftc.org/site/resources/A-Fair-Climate-Gender-Equity-in-REDD-.php#sthash.Rw5F5GT8.dpufพระทำนาแจกชาวบ้านเลี้ยงพระเณร-ข่าว
พระทำนาแจกชาวบ้านเลี้ยงพระเณร
ข่าวจาก คม-ชัด-ลึก http://www.komchadluek.net/detail/20140808/189809.html
วัดบ้านปง หมู่ 2 ต.บ้านปง อ.หางดง จ.เชียงใหม่
ที่ดินนธรณีสงฆ์พื้นที่จำนวน 5 ไร่ โดยแบ่งเป็นพื้นที่ปลูกข้าวจำนวน 4 ไร่ ปลูกพืชผักสวนครัวจำนวน 1 ไร่ ผลผลิตที่ได้จากการปลูกจะนำไปใช้ในวัดและศูนย์ปฏิบัติธรรม เพื่อเอาเลี้ยงญาติโยมที่เดินทางมาปฏิบัติธรรม ตลอดจนพระเณรในวัด ส่วนหนึ่งก็นำแจกจ่ายชาวบ้านในพื้นที่ ที่เดินทางมาช่วยลงนาทำนาด้วยใจ โดยโครงการปลูกข้าวดังกล่าว ต้องการช่วยเหลือเรื่องปัจจัยของชาวบ้าน โดยเฉพาะผู้สูงอายุและเยาวชน เพื่อมีอาหารในการดำรงชีวิต ซึ่งใช้ปุ๋ยชีวภาพไม่ใช้สารเคมีใดๆ
วัดได้คิดมาเพื่อช่วยเหลือชาวบ้าน หากมีกินมีใช้แล้ว ก็จะมีโอกาสในการประพฤติปฏิบัติธรรมมากขึ้น สำหรับทางวัดตอนนี้ต้องการกระบือเพื่อใช้ในการไถนา เพราะจะได้เป็นการอนุรักษ์การทำนาแบบล้านนา เพื่อถ่ายทอดแนวความรู้สู่เยาวชนรุ่นหลัง มาประพฤติปฏิบัติ
วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
การออกแบบที่ดินและน้ำสำหรับนานอกเขตชลประทาน โดย ชาวนาวันหยุด
การออกแบบที่ดินและระบบน้ำวนในแปลงนา
(ช่วงนาปรังใช้น้ำบาดาล)
(ช่วงนาปรังใช้น้ำบาดาล)
แปลงนาลุงมี ต.เขาดิน อ.เก้าเลี้ยว จ.นครสวรรค์
หลักการ :ออกแบบระบบน้ำในเเปลงนาลุงมี1.ต้องพึ่งพาตัวเองได้ในเรื่องน้ำ
2.มีพื้นที่การเก็บน้ำ จากน้ำฝนเพียงพอสำหรับการปลูกข้าว
3.ฤดูอื่นอาจต้องสูบน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ น้ำบาดาลต้องมีต้องมีการพัก และเพิ่มธาตุอาหาร ก่อนปล่อยลงนา
4.ลดการใช้พลังงานในสูบน้ำ ใช้หลักการความชันในการสร้างระบบน้ำวน
5.มีการหมุนเวียนของระบบน้ำในเเปลงนา
6.คันนา มีไม้ใหญ่เป็นแนวกันลม รักษาความชื้น และช่วยเพิ่มปุ๋ยตามธรรมชาติด้วยการปลูกพืชช่วยเพิ่มธาตุอาหารที่คันนา อันได้แก่ ทองหลาง (จามจุรีก็เป็นที่นิยมมาก)
การออกแบบที่ดินและน้ำสำหรับนาขั้นบันได
โดยคุณชำนาญ ศรีทองสุข อ.พยุหคีรี จ.นครสวรรค์
โดยการขุดเหมืองน้ำเพื่อรับและกักเก็บน้ำ เวลาใช้น้ำทำโดยดึงน้ำขึ้นไปปล่อยจากแปลงบนก่อนและปล่อยลงสู่แปลงล่างตามลำดับขั้นบันได ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องน้ำกับแปลงใกล้เคียง นอกจากในเหมืองยังสามารถใช้ประโยชน์ในการเลี้ยงปลา
การออกแบบที่ดินและการให้น้ำด้วยสปริงเกอร์สำหรับการทำนาปรัง
โดย คุณมีชัย ว่องกิจ อ.ปง จ.พะเยา
โดย คุณมีชัย ว่องกิจ อ.ปง จ.พะเยา
1. ขุดบ่อกักเก็บน้ำ
2. ส่งน้ำเข้าแปลงนาขั้นแรกด้วยระบบท่อเข้าบ่อขนาดเล็ก
3. ในช่วงแรกทำการสูบน้ำให้เต็มพื้นที่ หลังจากนั้น
3. สูบน้ำจากบ่อเล็กทำการฉีดพ่นด้วยระบบสปิงเกอร์
4. ทำการรดน้ำโดยให้น้ำในช่วงอากาศไม่ร้อน เลี้ยงหน้าดินไม่ให้แห้ง จะต้องให้มีความชุมชื้นตลอดเวลา
การให้น้ำด้วยระบบสปิงเกอร์ช่วยประหยัดค่าพลังงานและค่าน้ำ เนื่องจากมีการสูญเสียน้ำไปนอกพื้นที่น้อย
จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง
จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง
จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงคือจุลินทรีย์ที่พบได้ในแหล่งน้ำทั่วๆไป เช่น ไร่ นา ห้วย หนอง คลอง บึง แม่น้ำ ทะเล เป็นจุลินทรีย์ท้องถิ่นที่มีประสิทธิภาพสูงในการสนับสนุนการเจริญเติบโตของพืชและสัตว์ ช่วยลดปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคในพืชและสัตว์
- ช่วยลดก๊าซไฮโดรซัลไฟด์ (H2S) ในดินช่วยให้รากของพืชขยายได้ดีและท าให้พืชกินปุ๋ยได้ดีขึ น
- ช่วยลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยหลักลง 50 %
- ช่วยให้ผลิตเพิ่มขึ นอย่างน้อย 30 % เนื่องจากพืชมีความสามารถในการดูดกินปุ๋ยได้ดีขึ น
- ช่วยให้พืชมีความแข็งแรงและต้านทานโรคได้ดี
- เซลล์ของจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงจะประกอบด้วยโปรตีนประมาณร้อยละ 60 ซึ่งโปรตีนเหล่านี ประกอบด้วยกรดอะมิโนที่จ าเป็นครบถ้วน และยังมีวิตามินและแร่ธาตุ เช่น B1 B2 B6 B12 กรดโฟลิค วิตามินซี วิตามินดี วิตามินอี รงควัตถุสีแดง (carotenoid) และสารโคแฟคเตอร์เช่น ยูบิควิโนน โคเอนไซม์คิวเท็น ไซโตไคนิน ซีเอติน ออกซิน กรดอินโดล -3- อะซิติก (Indole-3-acetic acid : IAA) กรดอินโดล -3-บิวทีริก (Indole-3-butyric acid : IBA) ซึ่งเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืช
การขยายจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง
จากกลุ่มfc ธรรมะเกษตรอินทรีย์ https://www.facebook.com/groups/692374847475554/permalink/782959228417115/
การใช้จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงกับนาข้าว
การใช้กับนาข้าวสามารถใช้ได้ทุกระยะแต่โดยหลักๆจะแนะนำตามนี้
1.ระยะเตรียมดิน ใช้ 1 ลิตรต่อไร่ ผสมน้ำฉีดให้ทั่ว
2.ระยะแตกกอ ใช้ 1 ลิตรต่อไร่ ผสมน้ำฉีดให้ทั่ว
3.ระยะตั้งท้อง ใช้ 1 ลิตรต่อไร่ ผสมน้ำฉีดให้ทั่ว
ประโยชน์ที่ได้รับ
1.ช่วยให้ข้าวแตกรากได้ดี แตกรากได้มาก และรากมีสีขาว ดูดกินปุ๋ยได้ดีขึ้น
2.เพื่อออกซิเจนในดิน
3.ช่วยปลดปล่อยธาตุอาหารที่ค้างอยู่ในดิน ทำให้ดินไม่แข็ง
4.ช่วยให้ต้นข้าวแข็งแรงไม่ล้มง่าย
5.ช่วยลดแก๊สที่เป็นอันตรายต่อรากต้นข้าว
6.ช่วยป้องกันไม่ให้แบคทีเรียที่ไม่ดีโตขึ น
สรุป
เมื่อใช้จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงแล้วจะช่วยให้รากทำงานได้ดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น กินอาหารได้มากขึ้น ทำให้ต้นแข็งแรง เพิ่มน้ำหนัก เมล็ดเต็ม ไม่เป็นโรค ใช้ปุ๋ยน้อยลง ส่วนจะมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆอีก เช่น น้ำ อากาศ ความรุนแรงของโรคพืชต่างๆ 1.ระยะเตรียมดิน ใช้ 1 ลิตรต่อไร่ ผสมน้ำฉีดให้ทั่ว
2.ระยะแตกกอ ใช้ 1 ลิตรต่อไร่ ผสมน้ำฉีดให้ทั่ว
3.ระยะตั้งท้อง ใช้ 1 ลิตรต่อไร่ ผสมน้ำฉีดให้ทั่ว
ประโยชน์ที่ได้รับ
1.ช่วยให้ข้าวแตกรากได้ดี แตกรากได้มาก และรากมีสีขาว ดูดกินปุ๋ยได้ดีขึ้น
2.เพื่อออกซิเจนในดิน
3.ช่วยปลดปล่อยธาตุอาหารที่ค้างอยู่ในดิน ทำให้ดินไม่แข็ง
4.ช่วยให้ต้นข้าวแข็งแรงไม่ล้มง่าย
5.ช่วยลดแก๊สที่เป็นอันตรายต่อรากต้นข้าว
6.ช่วยป้องกันไม่ให้แบคทีเรียที่ไม่ดีโตขึ น
สรุป
การใช้จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง อ.เชาว์วัช
วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
5เกษตรประณีต 1 ไร่ไม่ยากจน
เกษตรประณัีต 1 ไร่ไม่ยากจน
____________________________________
1. ต้องเข้าใจปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยเฉพาะบันได 9 ขั้น เศรษฐกิจพอเพียง
___2.1 การปรับเปลี่ยนแนวคิด "ชีวิตเปลี่ยน เมื่อความคิดเปลี่ยนแปลง"
___2.2 ต้องมีความเพียร
___2.3 ต้องใฝ่เรียนรู้ หาความรู้จากแหล่งต่างๆ เรียนรู้ พัฒนางานอย่างต่อเนื่อง
___2.4 ต้องความปราณีต ในการปฏิบัติการงาน เอาใจใส่ทุกรายละเอียด
3. องค์ประกอบสำคัญ
___3.1 ออมน้ำ จัดหาแหล่งน้ำเป็นของตนเอง ต้องเก็บน้ำใว้ให้ได้ ขุดบ่อ ขุดสระ
___3.2 ออมดิน "จะต้องปรับปรุงและบำรุงรักษาดินให้มีสมบูรณ์อยู่เสมอ"
______3.2.1 ใช้จุลินทรีย์สร้างความให้พื้นที โดยเฉพาะอย่างยิ่งจุลินทรีย์จากหน่อกล้วย
______3.2.2 ใช้ปุ๋ยเพิ่มธาตุอาหาร ได้แก่ ปุ๋ยพืชสด ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมักชีวภาพ
______3.2.3 ไม่ใช้ปุ่ยเคมี ยาฆ่าวัชพืชและแมลงเด็ดขาด จะทำให้ดินเสื่อมสภาพ ทำลายชีวิตที่มีส่วนใหญ่ในการสร้างความสมบูรณ์ให้ดิน
______3.2.4 ไม่เปลือยดิน ใช้พืชคลุมดิน หรือทำปฏิบัติการห่มดิน
___3.3 ออมต้นไม้
______3.3.1 ปลูกที่อย่างที่กิน อุดรูรั่ว ที่จะต้องซื้อเค้าให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
______3.3.2 ใช้หลักการระดับชั้นเรือนยอดในการเพาะปลูก เพื่อให้ใช้พื้นทีให้เกิดประโยชน์สูงสุด
______3.3.3 ใช้แนวคิด "หลุมพอเพียง" เพื่อให้การเพาะปลูกประสบความสำเร็จมากที่สุด โดยมีพืชพี่เลี้ยงในหลุมที่สำคัญคือกล้วย เพราะกล้วยมีทั้งความชื้นและจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ สำหรับพืชที่ควรปลูกในหลุมพอเพียงประกอบด้วยพืชอะไรบ้าง ศึกษาจากรูปประกอบ
___3.4 ออมสัตว์ เพื่อ
______3.4.2 การบริโภคภายในครัวเรือน
______3.4.2 ผลิตปุ๋ยคอก สำหรับบำรุงพื้นที่
______3.4.3 เป็นแหล่งเงินออม
วันจันทร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2557
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)