วิธีระงับข้อพิพาทและวิวาทะ
: From: MrSompongt
กุลบุตรผู้ฉลาดในประโยชน์ ปรารถนาจะตรัสรู้บทอันสงบแล้วอยู่พึงบำเพ็ญไตรสิกขา
กุลบุตรนั้นพึงเป็นผู้อาจหาญ เป็นผู้ตรง ซื่อตรง ว่าง่ายอ่อนโยน ไม่เย่อหยิ่ง สันโดษ เลี้ยงง่าย
มีกิจน้อย มีความประพฤติเบากาย จิตมีอินทรีย์อันสงบระงับ มีปัญญาเป็นเครื่องรักษาตน
ไม่คะนอง ไม่พัวพันในสกุลทั้งหลาย ไม่พึงประพฤติทุจริตเล็กน้อยอะไร ๆ ซึ่งเป็นเหตุให้ท่านผู้รู้เหล่าอื่นติเตียนได้ พึงแผ่ไมตรีจิตใจสัตว์ทั้งหลายว่า ขอสัตว์ทั้งปวงจงเป็นผู้มีสุข มีความเกษม มีตนถึงความสุขเถิด
ผู้เจริญเมตตาจิตนั้น ยืนอยู่ก็ดี เดินไปก็ดี นั่งแล้วก็ดีนอนแล้วก็ดี เป็นผู้ปราศจากความง่วงนอนเพียงใดก็ตั้งสติอันนั้นไว้เพียงนั้น บัณฑิตทั้งหลาย กล่าวกิริยาอันนี้ว่า เป็นพรหมวิหารในพระศาสนานี้บุคคลที่มีเมตตา ไม่เข้าถึงทิฏฐิ เป็นผู้มีศีลถึงพร้อมแล้วด้วยทัศนะ ( คือโสดาปัตติมรรค)นำความหมกมุ่นในกามทั้งหลายออกย่อมไม่ถึงความนอน ( เกิด) ในครรภ์อีก โดยแท้ทีเดียว
จงเป็นผู้มีตนถึงความสุขเถิดอย่าพึงดูหมิ่นอะไรๆ เขา ในที่ไรๆ เลยไม่ควรปรารถนาทุกข์แก่กันและกัน เพราะความกริ้วโกรธด้วยความคับแค้นใจมารดาถนอมลูกคนเดียว ผู้เกิดในตนด้วยยอมพร่าชีวิตได้ฉันใดพึงเจริญเมตตา มีในใจ ไม่มีประมาณในสัตว์ฉันนั้นบุคคลพึงเจริญเมตตา มีในใจไม่มีประมาณไปในโลกทั้งสิ้นทั้งเบื้องบน เบื้องต่ำ เบื้องเฉียงเป็นธรรมอันไม่คับแคบ ไม่มีเวร ไม่มีศัตรู
วิญญูชนติเตียนชนทั้งหลายอื่นด้วยกรรมอันใด ไม่พึงประพฤติกรรมอันนั้นเลยขอสัตว์ทั้งปวง จงเป็นผู้มีสุข มีความเกษม มีตนถึงความสุขเถิดสัตว์มีชีวิตทั้งหลายเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีอยู่ยังเป็นผู้สะดุ้ง ( คือมีตัณหา ) หรือเป็นผู้มั่นคง ( ไม่มีตัณหา ) ทั้งหมดไม่เหลือเหล่าใดยาวหรือใหญ่ หรือปานกลางหรือสั้นหรือผอมพีเหล่าใดที่เราเห็นแล้ว หรือมิได้เห็นเหล่าใดอยู่ในที่ไกลหรือที่ไม่ไกลที่เกิดแล้ว หรือแสวงหาภพก็ดีขอสัตว์ทั้งปวงเหล่านั้น จงเป็นผู้มีตนถึง ความสุขเถิดสัตว์อื่นอย่างพึงข่มเหงสัตว์อื่น
กิจอันใด อันพระอริยะเจ้าบรรลุบทอันกระทำแล้ว กิจอันนั้นกุลบุตรผู้ฉลาดในประโยชน์พึงกระทำกุลบุตรนั้นพึงเป็นผู้อาจหาญ และซื่อตรงดีเป็นผู้ว่าง่าย อ่อนโยน ไม่มีอติมานะเป็นผู้สันโดษ เลี้ยงง่ายเป็นผู้มีธุรกิจน้อย ประพฤติเบากายจิตมีอินทรีย์อันระงับแล้ว มีปัญญาเป็นผู้ไม่คะนอง ไม่พัวพันในสกุลทั้งหลาย